แนะ นำ 7 วัน วิธีลดความอ้วน

   ก่อนอาหารต้องดิ่ม น้ำอย่างน้อย 2 แก้ว งดน้ำตาล น้ำมันหมู แอลกฮอล์ ของทอดทุกชนิด

 วันที่ 1
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย 
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง 
เย็น สลัดผัก

วันที่ 2
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง เย็น สลัดผัก


วันที่ 3
เช้า กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย 
 กลางวัน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู,เนื้อ) 
เย็น สลัดผัก


วันที่ 4
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น 
กลางวัน สลัดผัก และ ไก่ย่าง 1 ชิ้น 
เย็น โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วันที่ 5
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย 
กลางวัน ส้มตำ และ ไก่ย่าง 1 ชิ้น 
เย็น สลัดผัก


วันที่ 6
เช้า น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย 
กลางวัน ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด 
เย็น สลัดผัก


วันที่ 7
เช้า ข้าว 1 ทัพพี และ เนื้อ 1 ชิ้น , หรือ ไข่ต้ม 1 ฟอง 
กลางวัน เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู , เนื้อ) 
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น
กินอย่างไรให้เผาผลาญดี   สิ่งที่ฟ้องว่าอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่าง กายเริ่มจะลดลงไปตามวัย ได้แก่ น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น และเซลลูไลท์ตามหน้าท้อง แขน ขา สะโพก ซึ่งการออกกำลังกายถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเร่งเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน เหล่านี้ แต่วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้อีกแรงก็คือการกินอาหารอย่างถูกต้องค่ะ
ลดแป้ง น้ำตาล ไขมัน

   - การกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงมากๆ จะทำให้ปริมาณอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้การเผาผลาญไขมันในร่าง กายลดลง นอกจากนี้การกินไขมันมากก็ยังทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานเชื่องช้าลงด้วย
เน้นโปรตีนและผัก

   - การย่อยอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นกิจกรรมที่ร่างกายต้องใช้พลังงาน อย่างมาก ดังนั้นการกินเนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ฯลฯ จะช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าโปรตีนที่เหลือจากการใช้งานจะกลายเป็นไขมัน ดังนั้นอย่ากินมากจนเกินไปค่ะ 
อ้อ...ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงก็ขาดไม่ได้นะคะ เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานด้วย
กินน้อยแต่บ่อยขึ้น

   - การกินมื้อละน้อยโดยแบ่งออกเป็นมื้อย่อยๆ หลายมื้อ เช่น เช้า สาย กลางวัน บ่าย เย็น เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีกิจกรรมย่อยอาหารและเผาผลาญพลังงานตลอดทั้งวัน อย่างต่อเนื่อง



ดื่มน้ำให้มาก
   - เพราะร่างกายต้องใช้น้ำในกิจกรรมย่อยอาหาร การดื่มน้อยอาจทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งระบบเผาผลาญพลังงานการติดขัดได้ 



กินอาหารลดความ อ้วน ด้วยเมนูอาหารที่ให้พลังงานต่ำ 

1. อาหารประเภทต้ม
   ให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่  เช่น  ต้มยำกุ้งน้ำใส  ต้มยำปลาช่อนน้ำใส  แกงเหลืองปักษ์ใต้  แกงจืดตำลึงวุ้นเส้น   แกงจืดลูกรอก  แกงจืดมะระยัดไส้   ไก่ต้มฟักมะนาวดอง  สุกี้  เป็นต้น
ให้พลังงานไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่  เช่น  กระเพาะปลา  ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส  วุ้นเส้นต้มยำ  ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง  เกาเหลาเลือดหมู (ไม่ใส่เครื่องใน)  ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นน้ำ  ขนมจีนน้ำเงี้ยว
2. อาหารประเภทยำ
   ให้ พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่  เช่น  ส้มตำไทย  ยำตะไคร้  ยำมะระ  ยำผักหวาน  ยำสมุนไพร  ลาบไก่  พล่ากุ้ง
3. อาหารประเภทนึ่ง
   ให้พลังงานไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่  เช่น  เต้าหู้นึ่งทรงเครื่อง  ปลานึ่งสมุนไพร  ปลากะพงนึ่งมะนาว  ปลาช่อนนึ่งจิ้มแจ่ว  ปลาทับทิมนึ่งซีอิ้ว  ปลากะพงนึ่งบ๊วย
4. อาหารประเภทน้ำพริก
   ให้ พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่  เช่น  น้ำพริกปลาร้า  น้ำพริกหนุ่ม  น้ำพริกกุ้งสด  น้ำพริกมะขาม  น้ำพริกตะไคร้  น้ำพริกปลาทู  น้ำพริกลงเรือ  น้ำพริกกุ้งเสียบ
5. อาหารประเภทอื่น ๆ 
   ให้ พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่  เช่น  ปลากะพงลวกจิ้ม  ปลาสำลีเผาไก่ตุ๋นมะนาวดอง  ไข่ตุ๋นฟักทอง  เมี่ยงปลาทู  เมี่ยงคะน้า
ที่ สำคัญอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่เป็นไรหรอกกินวันนี้เยอะเดี๋ยวค่อยไปลดวันอื่นก็ได้ เพราะพอเอาเข้าจริง ๆ คุณอาจมีงานเลี้ยงหรือของกินอร่อย ๆ ในวันอื่นอีก  จำไว้ว่าถ้าคุณกินมากเกินไป อย่ากิน 2 มื้อในวันนั้น ๆ เมื่อรู้ตัวว่ากินเยอะมาแล้วในมื้อที่ผ่านมา  มื้อต่อไปควรลดปริมาณข้างลงหรือไม่กินข้าว  แล้วเลือกกินเฉพาะกับข้าวที่มีผัก  ถ้าปล่อยไปทั้งวัน  น้ำหนักขึ้นแน่ ๆ

อย่างนี้ อย่าทำ 
   อย่าเคี้ยวอาหารนานเกินไป เพราะมัน ไม่ช่วยให้หน้าท้องคุณแฟบลง ปล่อยให้การเคี้ยวเอื้องเป็นหน้าที่ของวัวควายต่อไปเหอะ ทางที่ดีคุณควรออกไปวิ่งหรือปั่นจักรยานเพื่อเผาผลาญพลังงาน
   อย่ากินอาหารตามกระแสนิยม เช่น อาหารไขมันสูง (High-fat) หรือคาร์โบไฮเดรตต่ำ (Low-carb) เพราะมันจะกระตุ้นให้คุณสวาปามเนื้อและชีสเข้าไปมากผิดปกติ ทำให้มีแก๊สในท้อง แค่คุณกินอาหารน้อยๆ และกินอย่างฉลาดก็พอแล้ว
   อย่าดื่มเบียร์เหมือนดื่มน้ำ ไม่ว่าเพื่อลืมทุกข์หรือยิ้มรับความสุข เพราะการดื่มเบียร์จะก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในท้อง แม้เบียร์แก้วสองแก้วอาจไม่ทำให้เกิดฟองอากาศในกระเพาะ แต่เบียร์แก้วหนึ่งก็ให้พลังงานสูงถึง 90 แคลอรี ถ้าอยากดื่ม คุณควรตัดปัญหาเรื่องพลังงานส่วนเกิน ด้วยการดื่มค็อกเทลผสมไดเอทโทนิกหรือน้ำแร่จะดีกว่า

 หากคำแนะนำนี้เพื่อนๆไม่สามารถปฏิบัติได้ ก็หันมาออกกำลังกายคือ "วิ่งค่ะ"

เราเอาเวลาว่างมาออกกำลังกายกันดีกว่า วิ่งรอบ มอ วันละ3รอบนะ



สุดยอดผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน
   ผลไม้ 10 ชนิดต่อไปนี้ จัดเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ และ กินได้บ่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้ม กันอีกด้วย ผลไม้ทั้ง 10 ชนิดนี้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเฉลี่ย 1.9 10 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม โดยอะโวกาโดมีคาร์โบไฮเดรตต่ำสุด แอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตสูงสุด
  1. กีวี -มีสารแอกทินิดีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทำให้หัวใจแข็งแรง
  2. มะเขือเทศ -ช่วยลดความเสียงจากมะเร็งและโรคหัวใจ
  3. มะละกอ ช่วยย่อยอาหารและโปรตีน
  4. อะโวกาโด ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ถึง 30 ชนิด
  5. สับปะรด ช่วยต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
  6. ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ เช่น สตอเบอร์รี่ แบลคเบอร์รี่ ผลไม้กลุ่มนี้ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต
  7. แค รนเบอร์รี่ ช่วยป้องกันนิ่วในไต ต้านเชื้อไวรัส
  8. ผลไม้ตระกูลส้ม ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเส้นเลือด
  9. ผลไม้กลุ่มแตง มีสรรพคุณสูงสุดในการล้างพิษให้กับร่างกาย
  10. แอปเปิ้ล ช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร


 

2 ความคิดเห็น: